แจ็ค จอห์นสันเกิดและโตขึ้นในเกาะ Oahu หนึ่งในบริวาร เกาะในฮาวาย เขาโตในสภาพแวดล้อมของชายหาด สายลม ทะเล โดยเขาเริ่มโต้คลื่นร่วมกับพี่ชายทั้ง 2 ขณะเขา อายุ 12 ปี
เขาประสบอุบัติเหตุ รักษาตัวอยู่ที่บ้านหลายเดือน ระหว่างที่เขารักษาตัวอยู่ เขาฝึกเล่นกีตาร์ นอกจากนั้นแจ็คยังสนใจการเล่นสเก็ตบอร์ด โดยมี Alex Conwell เพื่อนของพ่อเขาช่วยฝึกสอน นอกจากนั้น Alex ยังได้สอนการเล่นกีตาร์ และ ฟลุตให้แจ็คด้วย
เขาเริ่มเล่นกีตาร์ตอนอายุ 14 ปี แต่ยังไม่ได้สนใจถึงระดับอาชีพ จนกระทั่งเขาได้ศึกษาต่อที่ University of California ใน Santa Barbara เขาจบการศึกษาในสาขาภาพยนตร์ ในปี 1997 และแจ็คได้เล่นริทึ่มกีตาร์กับวงฮิปปี้ ชื่อ "Soil-me."
ในระหว่างปี ค.ศ.1997-98 แจ็คตัดสินใจพักช่วงด้วยการออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับ Chris และ Emmett Malloy เพื่อนเก่าที่เล่นเซิร์ฟด้วยกัน ซึ่งก็เป็นเวลาที่เขาได้สร้างภาพยนตร์อินดี้เกี่ยวกับ การโต้คลื่น เรื่อง Thicker Than Water ต่อมาเข้าได้พบ Garrett Dutton แห่งวง G. Love & Special Sauce แจ็คได้บันทึกเสียงเพลง "Rodeo Clowns" ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม Philadelphonic
หลังจากเพลงถูกปล่อยตามคลื่นวิทยุต่างๆ ก็เริ่มทำให้เขาเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางมากกว่าแค่วงการคนเล่นเซิร์ฟด้วยกัน แต่แทนที่เขาจะตกลงเซ็นสัญญาออกอัลบั้ม เขากลับสร้างภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ที่มีชื่อว่า The September Sessions หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัล Adobe Highlight Award ในงานเทศกาลภาพยนตร์ของ ESPN ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาก็ได้รับการยกย่องจาก นิตยสารเซิร์ฟต่างๆว่าเป็นสุดยอดภาพยนตร์แห่งปี และต่อมา Ben Harper (นักดนตรี) และ J.P. Plunier (ผู้จัดการและโปรดิวเซอร์) ก็ได้ฟังเพลงของเขา ชักชวนแจ็คและช่วยแต่งเพลงอัลบั้มแรกของเขาในปี 2001 อัลบั้ม "Brushfire Fairytales" กับค่าย Enjoy Record เขาได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วอเมริกาและออสเตรเลียที่ไปเล่นเป็น Opening Act ให้ Ben Harper ซึ่งเพียงแค่ช่วงเวลาปีเดียวในการออกอัลบั้มก็ขายได้ 100,000 แผ่น และในปี 2003 ทำยอดขายได้ถึงระดับแพล็ตตินั่ม
หลังจากตระเวนทัวร์อยู่เกือบ 2 ปี แจ็คได้ออกอัลบั้มที่ 2 "On and On" ทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ Mario Caldato Jr (เคยทำงานกับ the Beastie Boys) ต่อจากนั้นแจ็ค ตั้งค่ายเพลงขึ้นเองมีชื่อว่า Brushfire Records และสามารถขายอัลบั้มนี้ได้ถึง 1 ล้านแผ่นภายในเวลาเพียงแค่ 1 ปี (อันดับ 3 บนบิลบอร์ดชาร์ท) นอกจากนี้ยังได้ศิลปินเพื่อนเก่าแก่ของเขามาร่วมค่าย อย่าง G. Love และ Donavon Frankenreiter และทางค่ายยังได้ออกอัลบั้มซาวน์ดแทร็กจากภาพยนตร์ของเขาทั้ง 2 เรื่อง Thicker Than Water และ The September Sessions ด้วย
อัลบั้มที่ 3 "In Between Dreams" ออกจำหน่ายวันที่ 1 มีนาคม 2005 หลังจากนั้น 1 ปี อัลบั้มนี้ก็ขึ้นชาร์ทที่อันดับ 2 ในอเมริกา และขึ้นสูงสุดอันดับ 1 ในอังกฤษ อัลบั้มนี้ยังคงได้โปรดิวเซอร์ และ ซาวน์ดเอ็นจิเนียร์ที่ทำให้อัลบั้มที่แล้วมาช่วย และได้ Zach Gill จาก Animal Liberation Orchestra (ALO) มาช่วยเล่นเปียโน และ คีย์บอร์ด ออร์แกนให้อีกด้วย เพลงดัง “Better Together” เขาแต่งให้กับ Kim ภรรยา
ในปี 2006 ก็ออกอัลบั้มที่ 4 "Sing-A-Longs and Lullabies for the Film Curious George" อัลบั้มนี้ก็ประสบความสำเร็จขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา เดือนกุมภาพันธ์ 2006 ได้รางวัลจาก Brit Award สาขา Best International Newcomer ทำให้อัลบั้ม "In Between Dreams" ขายดีขึ้นหลักล้านในอังกฤษ
ผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ ‘A Broken Down Melody’ เนื้อหาเกี่ยวกับการเซิร์ฟเช่นเคยและเพลงประกอบในหนังก็ยังเป็นทีม Jack Johnson และคณะเช่นเคย ซิงเกิ้ลแรกเพลง ‘Home’ ในอัลบั้มนี้ได้ Matt Costa และ Zach Gill (จากวง ALO) มาร่วมร้องด้วยในเพลง ‘Sung’ และยังมีเพลง Breakdown (เพลงจากอัลบั้ม In Between Dreams) ในเวอร์ชันอคูสติคอีกด้วย
อัลบั้ม Sleep Through the Static สามารถขึ้นสูงสุดที่อันดับ 1 บนตารางอันดับอัลบั้มบนบิลบอร์ด โดยเปิดตัวในสัปดาห์แรกสูงถึง 375,000 แผ่น ในส่วนที่เปิดให้เสียเงินดาวน์โหลดอัลบั้มก็มีผู้จ่ายเงินดาวน์โหลดอัลบั้มนี้ไปแล้วกว่า 139,000 ครั้ง และอัลบั้มนี้ยังมียอดขายสูงสุดนับตั้งแต่เนลสัน ซาวนด์สแกน จัดอันดับมา ในสัปดาห์แรกนี้